รีวิว BMW i8 “หล่อ สปอร์ต รักโลก” รถยนต์แห่งอนาคต ที่ซื้อได้ในยุคปัจจุบัน



รีวิว BMW i8 เป็นสุดยอดรถยนต์ในฝันของหลายคน ที่จำเป็นต้องตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกมองเห็น ด้วยดีไซน์อันโฉบเฉี่ยว เส้นเฉียบคมแบบรถสปอร์ต และเต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีจากโลกอนาคต ที่วันนี้ผมจะรีวิวการใช้งานจริงของ BMW i8 บนถนนจ.กรุงเทพฯให้ดูกันครับ

BMW i8 เป็นรถยนต์ข้างในแบรนด์ BMW i รุ่นแรกที่นำเข้ามาขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดย BMW i เป็นแบรนด์ย่อยของ BMW ที่เกิดขึ้นในปี 2011 ภายใต้ปรัชญา ‘Born Electric’ รื้อถอนโครงสร้างการสร้างรถยนต์ในอุตสาหกรรมใหม่ทั้งสิ้น ให้มีความเหมาะสมกับการเป็นรถยนต์ที่ใช้กำลังไฟฟ้าอย่างสุดกำลัง เพื่อความยั่งยืนและมั่นคงในการใช้พลังงานในอนาคต แล้วก็จะเป็นแบรนด์ที่จุดโฟกัสในเรื่องเทคโนโลยีการโดยสารของมนุษย์ในอนาคตอีกด้วย

รีวิว มูลเหตุที่ BMW ต้องสร้างแบรนด์ย่อยในชื่อ BMW i ขึ้นมานั้น ก็เนื่องจากว่า เทรนด์การใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานโอกาสใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน แม้กระนั้นองค์ประกอบตัวถังรถยนต์ แล้วก็แนวทางการผลิตรถยนต์ทั้งสิ้นในขณะนี้ มิได้เอื้อประโยชน์กับการใช้กำลังไฟฟ้าอย่างมาก ได้แก่ ส่วนประกอบตัวถังแบบเดิมๆก็มิได้ถูกดีไซน์มาให้รับน้ำหนักของแบตเตอรีไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนักมากมาย ถ้า BMW เอาส่วนประกอบตัวถังของรถยนต์เดี๋ยวนี้ มาดัดแปลงให้ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า ก็จะไม่มีประสิทธิภาพอย่างมากดังที่มันควรเป็น แบตเตอรีที่มีน้ำหนักมากมาย ก็จะมิได้อยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมของการเป็นรถยนต์ความสามารถสูงสักคัน ตลอดไปจนถึงห้องเครื่องยนต์ การเผาไหม้ เพลาขับเคลื่อนต่างๆในรถยนต์เดี๋ยวนี้ ก็มีต่างกันกับการขับเขยื้อนของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างสิ้นเชิง

BMW i จึงเกิดขึ้น ภายใต้แนวความคิด ‘Born Electric’ คิดใหม่ ทำใหม่ทั้งปวง ตั้งแต่แรก ให้รถยนต์ภายใต้แบรนด์ BMW i นี้ เกิดขึ้นมาเพื่อการเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าโดยยิ่งไปกว่านั้น วางแบบองค์ประกอบตัวถังใหม่ ให้มีน้ำหนักเบา โดยเป็นรถยนต์ในระดับ mass production แบรนด์แรก ที่เลือกใช้วัสดุ Carbon-Fibre Reinforced Plastic หรือ CFRP (ซึ่งถูกใช้ในรถแข่งฟอร์มูล่าวัน, เรือบิน และ ยานอวกาศ) มาเป็นโครงสร้างหลักของตัวถัง ที่มีน้ำหนักเบากว่าเหล็กกล้า 2 เท่า แต่ว่าให้ความแข็งแรงได้สูงสุดกว่าเหล็กกล้าถึง 5 เท่าตัว ที่แน่ๆว่า มันจะเหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก เนื่องจากจำเป็นต้องทดแทนกับน้ำหนักของแบตเตอรีไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนักมากอยู่แล้ว และก็ยังต้องเสริมความแข็งแรงให้กับส่วนประกอบตัวถังบางจุดมากเป็นพิเศษ

โครงสร้างตัวถังของ BMW i ถูกออกแบบให้แบตเตอรีกระแสไฟฟ้าอยู่รอบๆข้างล่างสุดของตัวรถ เพื่อทำให้ศูนย์ถ่วงของน้ำหนักอยู่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และก็ยังช่วยออมพื้นที่ใช้สอยของตัวรถยนต์ได้อีกด้วย เป็นผลดีกับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะใช้ภายใต้แบรนด์ BMW i ที่ไม่เพียงแต่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานรวมทั้งยืนยงกับสิ่งแวดล้อมเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นมันจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับดีเยี่ยมๆอีกด้วย

BMW ลงทุนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับแบรนด์ BMW i อย่างเอาจริงเอาจังมาก เพราะนี่เป็นอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง ถึงกับลงทุนกับโรงงานผลิต Carbon-Fibre ในสหรัฐอเมริกา เพื่อป้อนให้กับความอยากได้ของรถยนต์ BMW i โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รวมทั้งลงทุนกับโรงงาน Leipzig ที่เยอรมันเพื่อใช้สำหรับในการประกอบรถยนต์ BMW i โดยทั้งคู่โรงงาน มีปณิธานแนวแน่ว่า จะใช้เฉพาะพลังงานสะอาดในทุกขั้นตอนของการสร้าง และก็เน้นย้ำอยู่เสมอว่า พวกเราจะผลิตรถยนต์พลังงานสะอาด จากโรงงานที่ใช้พลังงานเลอะเทอะไม่ได้! (ฟังแล้วขนลุกกันไปข้าง)

เบื้องต้น BMW เปิดตัวรถยนต์ภายใต้แบรนด์ BMW i ออกมาสองรุ่นครับ นั่นเป็น BMW i3 รถยนต์ที่ใช้กำลังไฟฟ้า 100% แบบไม่เติมน้ำมัน (ยังไม่นำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุผลเรื่องความพร้อมเพรียงของส่วนประกอบการชาร์จกำลังไฟฟ้าในเมือง) กับรุ่น BMW i8 รถยนต์สปอร์ตไฮบริด ที่ใช้ทั้งยังพลังงานไฟฟ้า และมีเครื่องจักรขนาด 1.5 ลิตร 3 ดูด (เล็กๆอย่างนี้ อย่าเพิ่งดูถูกดูแคลนมันนะ) ติดมาให้ทำงานด้วยกันได้อย่างพอดี คันที่ผมจะรีวิวให้ชมกันวันนี้นั่นเองครับ

รีวิว BMW i8 : The Most Progressive Sports Car.
หน้าตาของ BMW i8 เห็นแล้วจำต้องหลงรักเกือบจะทันทีเลยล่ะนะครับ คันนี้มาในสีเงิน Ionic Silver ตัดกับลายเส้นสีฟ้า BMW i Blue ได้อย่างลงตัว เส้นการออกแบบทั้งหมด ถูกสร้างขึ้นจากปรัชญาการออกแบบที่เน้นย้ำ 3 สิ่งหมายถึงความคงทนถาวร, ความพรีเมียม แล้วก็ สมรรถนะ ที่อ้างอิงตามหลักอากาศพลศาสตร์ แบบที่ไม่ยินยอมอ่อนข้อให้กับบางสิ่ง ผสมผสานออกมาเป็นลายเส้นรอบข้างรถยนต์ที่มีความสปอร์ต ให้ความรู้สึกถึงความเป็นยานยนต์แห่งอนาคตที่ทุกคนสัมผัสได้ตั้งแต่ทีแรกเห็น

ด้านหน้าของตัวรถ ยังคงมี BMW รีวิวรถมอไซต์ Kidney Grill ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW ขนาดใหญ่ แม้กระนั้นเป็นแค่เพียงทรง Kidney เท่านั้น ไม่ได้เป็นช่องหรือรูดักอากาศแต่อย่างใด เนื่องด้วย BMW i8 ได้ใช้พื้นที่ของที่ระลึกระโปรงหน้ารถทั้งสิ้นเป็นตำแหน่งของมอเตอร์กระแสไฟฟ้า แล้วก็ชุดการขับเขยื้อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของตัวรถ แบบไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพิงอากาศจากข้างนอก ซึ่งฝากระโปรงหน้าของ BMW i8 ถูกออกแบบไม่ให้ลูกค้าเปิดได้ และต้องเปิดโดยศูนย์บริการ BMW i เพียงแค่นั้น

ไฟหน้ารถของ BMW i8
ถือเป็นส่วนที่มีความโดดเด่นสะดุดตา โดยเฉพาะเมื่อเปิดหลักการทำงานของไฟ Daytime Running Lights ที่จะสว่างขึ้นเป็นลายเส้นขอบของไฟหน้า ส่วนบริเวณใต้กรอบไฟหน้า เป็นรูดักอากาศ ที่จะส่งต่ออากาศเย็นจากข้างหน้ารถ ผ่านเข้าไประบายความร้อนให้กับเบรกคู่หน้า รวมทั้งยังเป็นออกแบบที่เอื้อต่อการไหลของอากาศตามหลัก Yamaha aerodynamics ของตัวรถยนต์ได้อย่างแนบเนียน

ด้านข้างของตัวรถยนต์ มีเส้นสายที่เฉียบคมอย่างยิ่ง ความสูงโดยรวมของตัวรถสูงเพียง 1,298 มิลลิเมตร และก็เฉพาะรูปทรงของล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว ก็รับประทานไปกว่าครึ่งของความสูงตัวรถยนต์แล้ว มีแนวเส้นโค้งของกระจกหน้ารวมทั้งกระจกด้านหลังที่ให้ความสปอร์ต บวกกับเส้นขอบด้านล่างของประตูรถที่สอดรับกันได้อย่างลงตัว

เอกลักษณ์สะดุดตาของ BMW i8 ที่บริเวณด้านข้างของตัวรถยนต์ ส่งต่อไปถึงด้านหลังรถยนต์ ก็คือช่องทางสำหรับเดินของอากาศด้านข้าง ที่แนบกับตัวถังของตัวรถยนต์ ยิงตรงออกไปรอบๆระยะห่างท้าย เสมือนอุโมงค์ที่มาแนบอยู่รอบๆตัวรถทั้งสองข้างโดยอาศัยการซ้อนกันของตัวถัง ที่ BMW เรียกการออกแบบชนิดนี้ว่า Layering Principle ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ BMW รีวิวรถมอไซต์ i8 คันนี้ดูล้ำสมัยขึ้นไปอีกระดับ

บริเวณด้านท้ายของตัวรถยนต์ มีการสลับด้วยสีดำกับสีของตัวถังจริงของรถยนต์ รวมทั้งตัดขอบด้วยสีฟ้า BMW i Blue โดดเด่นด้วยไฟท้ายรูปทรงประหลาดตา โดยมีไฟเบรกเป็นรูปตัว U และก็แยกเอาไฟเลี้ยวขึ้นไปอยู่บนขอบตัวถังที่ซ้อนกันอยู่ ประดับโดยการใช้ตราสัญลักษณ์ชื่อรุ่น i8 รวมทั้งอีกด้านเป็นโลโก้ eDrive ที่มีติดอยู่กับรถยนต์ BMW ทุกรุ่นที่ใช้พลังงานไฟฟ้า

ส่วนที่ผู้คนจำนวนมากพอใจที่สุดในรถยนต์ BMW i8 น่าจะเป็นประตูของมันขอรับ BMW i8 ใช้ประตูแบบปีกนก เปิดขึ้นข้างบน ที่ทำให้ทุกครั้งที่ขึ้นลงจากรถ หรือได้พบเห็นรถยนต์คันนี้เปิดประตู จะให้ความรู้สึกเหมือนยานอวกาศที่มาจากโลกอนาคต แต่มองเห็นการเปิดปิดประตูแบบโก้ๆนี้ จำต้องอาศัยความใกล้ชิดกันสักพักเลยค่ะครับผม กว่าจะได้ท่าขึ้นลงจากรถยนต์ที่ดูไม่ตะกุกตะกักเยอะเกินไปนัก

เนื่องจาก BMW i8 มีขอบบันไดที่ค่อนข้างกว้าง ตัวรถค่อนข้างจะเตี้ย และเบาะอยู่ออกจะลึก การขึ้นลงจากรถยนต์คันนี้ ไม่ได้ง่ายสำหรับทุกๆคนนะครับ บางคนขึ้นลงเพียงครั้งเดียว ก็ถึงกับถอดใจไปเลยก็มี แม้กระนั้นถ้าได้ครอบครองสักพักแล้ว เมื่อรู้จังหวะการขึ้นลง มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดก่อนที่จะเข้าไปนั่งด้านใน รีวิวรถยนต์ ผู้คนจำนวนมากบางครั้งก็อาจจะสงสัยว่า รถสปอร์ตทรงอย่างงี้ จะมีพื้นที่ให้เก็บสัมภาระมากน้อยแค่ไหนกัน ก็ขอบอกเลยขอรับว่า “เก็บได้น้อยมาก” ด้วยเหตุผลที่ว่า

พื้นที่ฝากระโปรงหน้ารถทั้งผองเป็นชุดขับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ไม่สามารถเปิดได้ ส่วนพื้นที่ฝากระโปรงด้านหลังกว่าครึ่ง ก็เป็นตำแหน่งของเครื่องจักรกล 1.5 ลิตร 3 ดูด เหลือพื้นที่ไม่เท่าไรนักสำหรับเพื่อการใส่กระเป๋าไซส์ที่ลากขึ้นเครื่องบินได้อีก 1 ใบแค่นั้น แถมพื้นที่เก็บสัมภาระรอบๆนี้ ก็จะมีความร้อนสะสมค่อนข้างมากด้วย เพราะอยู่ชิดกับห้องเครื่องยนต์เลยครับผม จับจ่ายซื้อของสดอะไรมา ไม่สมควรเก็บเอาไว้ภายในนี้เด็ดขาด รู้เรื่องโก้ ก็ต้องสูญเสียอรรถประโยชน์อะไรบางอย่างแลกเปลี่ยนกันไปนะด้านในห้องโดยสารของตัวรถยนต์ ถึงแม้ BMW i8 จะดูเป็นรถสปอร์ตที่มีพื้นที่จำกัด แม้กระนั้นถ้าหากไปดูจำนวนมิติของตัวรถแล้ว

จะพบว่า BMW i8 เป็นรถที่มีความกว้างมากๆครับ (1,942 มม.) ซึ่งตัวเลขนี้ ถือว่ากว้างกว่า BMW 7 Series ใหม่ (1,902 มม.) และก็กว้างกว่า Mercedes-Benz S-Class (1,899 มม.) เสียอีก ข้างในมีเบาะแบบสปอร์ต 2 ที่นั่ง รวมทั้งมีเบาะคู่หลังขนาดเล็กๆที่ผมทดลองมุดเข้าไปนั่งแล้ว ไม่น่าจะใช้ขึ้นรถอะไรได้เลยครับ (ควรจะเป็นคนตัวเล็กพอเหมาะพอควร ถึงจะพอเข้าไปนั่งโดยสารได้) มีไว้วางของ วางกระเป๋าเป้อะไรพอใช้อยู่

คอนโซลหน้าของตัวรถ ให้ความทันสมัยอย่างยิ่งโดยยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของหน้าปัดหลังพวงมาลัย ที่เป็นหน้าจอทั้งปวง พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้าน พร้อมโลโก้ BMW ตรงกลางที่ตัดด้วยเส้นสีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW i รวมถึงขอบของพวงมาลัยโดยรอบด้วย

อีกหนึ่งข้อสังเกต คือ BMW i8 มีพื้นที่ระหว่างคนนั่งซ้าย/ขวาเยอะมากๆนะครับ คอนโซลกึ่งกลางมีความกว้างมากๆ(เรียกว่า พอมีคนนั่งด้วยแล้วแล้วจะรู้สึกห่างกันพอเหมาะพอควรเลยแหละ) เหตุผลหนึ่งก็คือ ตรงแกนกลางของตัวรถยนต์นี่แหละครับผม คือตำแหน่งของแบตเตอรีแรงกดดันสูง ที่เอาไว้เก็บประจุพลังงานไฟฟ้าสำหรับเพื่อการขับเคลื่อนด้วยโหมด eDrive นั่นเอง เราเลยจำเป็นต้องยอมนั่งแบบห่างไกลกันสักหน่อย ด้วยข้อกำหนดของดีไซน์ของตัวรถ

Technical Specifications คุยกันถึงคุณประโยชน์มามากมายแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราจะมาขับยานอวกาศลำนี้กันครับ เท้ากดแป้นเบรค และก็มือกดปุ่ม START ที่คอนโซลกึ่งกลาง เสียงที่ได้ยินคือ เสียง วี๊ดดดดด… เบาๆพร้อมหน้าจอข้างหลังพวงดอกไม้ติดขึ้นมาทัก โดยไม่มีเสียงเครื่องยนต์กลไกใดๆก็ตามเงียบเชียบ เงียบสนิททั้งยังด้านในและด้านนอกตัวรถ มีเพียงแต่จอสีฟ้า เค้าหน้านำสมัย ที่ชี้สถานะว่า BMW i8 คันนี้ พร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว ด้วยกำลังไฟฟ้า 100% เป็นโหมดมาตรฐาน

ผมเบาๆปล่อยเท้าออกมาจากแป้นเบรก ให้รถยนต์เคลื่อนที่ไปด้านหน้า แม้จะฝืนสักหน่อยกับความสปอร์ตของตัวรถ แม้กระนั้นไร้ซึ่งเสียงเครื่องยนต์กลไกให้ได้ยิน มีเพียงแต่เสียงของยางขนาด 215/40R20 สำหรับคู่หน้า และก็ 245/40R20 สำหรับคู่ข้างหลัง บดถนนหนทางให้ได้ยินเป็นระยะๆแค่นั้น โดยในโหมดมาตรฐาน (COMFORT) นี้ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 3 สูบ 228 แรงม้า จะยังไม่ทำงานตราบจนกระทั่งจะมีการกระแทกคันเร่ง หรือเมื่อมีความต้องการอัตราเร่งในบางช่วงเวลา

ในโหมด COMFORT นี้ เป็นโหมดมาตรฐานสำหรับใช้ขึ้นรถในเมือง ที่มีการจราจร แบบใช้ความเร็วไม่สูงมากเท่าไรนัก ซึ่งคอมพิวเตอร์จะกระทำคำนวนอปิ้งฉลาดมากจริงๆ ให้ BMW Yamaha i8 มีอัตราการประหยัดพลังงานสูงสุด โดยที่ยังคงความสนุกในการขับรถได้อยู่ รวมทั้งพร้อมที่จะให้เครื่องยนต์กลไกเข้ามาสนองตอบ เพิ่มสมรรถนะของตัวรถได้เมื่ออยาก แล้วก็ตัดลักษณะการทำงานของเครื่องจักรเมื่อไม่สำคัญลงโดยทันทีเหมือนกันเพื่อเป็นการมัธยัสถ์น้ำมัน โดยโหมดนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรีอย่างสม่ำเสมอ โดยแทบจะไม่มีการชาร์จแบตกลับไปยังแบตเตอรีเลย เรียกว่าถ้าเกิดอยู่ในโหมดนี้ไปเรื่อยๆปริมาณกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรีก็จะหมดลง กระทั่งเครื่องจักรกลจะติดขึ้นมาเองในตอนหลังครับ

แต่เรากระโดดขึ้นมาขับ BMW i8 สปอร์ต หล่อ รักโลกคันนี้ทั้งที ก็ย่อมจะต้องอยากมีฟีลรับทราบความเร็วความแรงให้กับลุคของตัวรถกันบ้าง ซึ่ง BMW เองก็ได้สร้างโหมด SPORT เอาไว้ตอบโจทย์อยู่แล้ว ด้วยการผลักคันเกียร์ไปทางด้านซ้าย ที่ตำแหน่ง SPORT เพียงแค่นั้น โดยไม่ต้องกดปุ่มอะไรก็แล้วแต่ทั้งนั้น ทันทีนั้น หน้าจอข้างหลังพวงมาลัย ก็จะเปลี่ยนจากสีฟ้า เป็นสีแดง พร้อมแสดงสถานะโหมด SPORT อย่างเห็นได้ชัด รวมถึงเครื่องยนต์กลไก 1.5 ลิตร 3 สูบที่อยู่ข้างหลังของเรา ก็จะติดขึ้นเมื่อผลักเข้าโหมด SPORT ด้วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *